18/02/2013 10:56:23
สารหล่อลื่นกับถุงยางอนามัย
ถุงยางอนามัยมีประโยชน์ใช้คุมกำเนิดเพื่อการวางแผนครอบครัว และใช้ป้องกันโรคติดต่อทางเพศสัมพันธ์โดยเฉพาะโรคเอดส์ มาตรฐานถุงยางอนามัยกำหนดให้ประกาศกระทรวงสาธารณสุข ฉบับที่ 11 (พ.ศ.2535) และ มอก.625-2534 ทั้งสองมาตรฐานกำหนดคุณสมบัติทางกายภาพทั่ว ๆ ไปของถุงยางอนามัยเกี่ยวกับขนาด มิติ ความคงทนของสี การรั่วซึม ความทนความดันและปริมาตรขณะแตก ความต้านแรงดึงและความยืดเมื่อขาด การบรรจุซองและฉลาก แต่มาตรฐานทั้งสองไม่ได้กำหนดปริมาณสารหล่อลื่น (lubricant) ที่ใช้เติมในถุงยางอนามัย
คุณสมบัติของสารหล่อลื่นใช้ทางวัตถุสิ่งของเพื่อช่วยให้ลื่น ไม่ฝืด สะดวกในการใช้ เช่น การทาน้ำมันจักรเพื่อให้จักรทำงานได้คล่อง เช่นเดียวกับการใช้ถุงยางอนามัยที่ผู้ใช้ย่อมต้องการถุงยางอนามัยที่มีคุณภาพและมีการหล่อลื่นที่เพียงพอ การผลิตถุงยางอนามัยในขั้นตอนสุดท้ายก่อนจะบรรจุซองจะมีการเติมสารหล่อลื่น ๆ ที่นิยมใช้คือซิลิโคนออยล์ (silicone oil) สำนักงานคณะกรรมการอาหารและยา กระทรวงสาธารณสุข กำหนดปริมาณซิลิโคนออยล์ที่ใส่ควรอยู่ระหว่าง 150-500 มิลลิกรัมต่อถุงยางอนามัย 1 ชิ้น และควรมีความหนืดไม่น้อยกว่า 100 เซนติสโตคส์ (centistokes) หาก ผู้ผลิตเติมสารหล่อลื่นในปริมาณที่ต่ำ ๆ หรือสารหล่อลื่นอาจรั่วซึมออกจากซองบรรจุจะทำให้ผู้ใช้รู้สึกว่าถุง ยางอนามัยนั้นมีสารหล่อลื่นไม่เพียงพอจึงต้องการหาสารหล่อลื่นมาทาเพิ่ม
สารหล่อลื่นมีหลายชนิดทั้งในรูปน้ำมัน เจลลี่ ครีม โลชั่น ขี้ผึ้ง สารเหล่านี้แบ่งประเภทตามชนิดตัวละลายเป็น 2 ประเภท ได้แก่ ประเภทละลายในน้ำมัน (oil based lubricant) และประเภทละลายในน้ำ(water-based lubricant) ไม่ควรใช้สารหล่อลื่นที่ละลายในน้ำมันกับถุงยางอนามัย เพราะจะทำให้ยางเสื่อมสภาพเร็วขึ้น ถ้าจะใช้สารหล่อลื่นกับถุงยางอนามัยควรเลือกใช้แต่สารหล่อลื่นชนิดละลายน้ำ ทั้งนี้จากการศึกษาของ Voller B. และคณะได้ศึกษาผลของสารหล่อลื่นกับถุงยางอนามัยพบว่าสารหล่อลื่น เช่น วาสลีนอินเทนซีพ แคร์ (Vaseline intensive care), นีเวียแฮนด์โลชั่น (Nevea hand lotion), จอห์นสัน เบบี้ ออยล์ (Johnson baby oil) ซึ่งประกอบด้วยน้ำมันแร่ (mineral oil) เมื่อใช้ทาถุงยางอนามัยแล้วทำให้ถุงยางอนามัยเสื่อมสภาพเร็วขึ้นขณะใช้ประมาณ 90% ภายในเวลา 60 วินาที สำหรับสารหล่อลื่นที่ละลายน้ำซึ่งรวมถึงสารฆ่าเชื้ออสุจิ(spermicidal gel) มีความปลอดภัยที่จะใช้กับถุงยางอนามัย
White N. และคณะ รายงานว่าสารหล่อลื่นที่ละลายในน้ำมัน (petroleum หรือ oil-based lubricants) เช่น เบบี้ ออยล์, ปิโตรเลียม เจลลี่ หรือน้ำมันพืช เช่น น้ำมันข้าวโพด (corn oil) ไม่ควรใช้กับถุงยางอนามัยเพราะจะทำให้คุณสมบัติเปลี่ยน แต่สารหล่อลื่นที่ละลายในน้ำ เช่น Duragel, Diracreme, Senselle ไม่มีผลต่อถุงยางอนามัย
เนื่องจากคุณสมบัติของวาสลีน (veseline) หรือ petrolatum, petroleum jelly เป็นสารกึ่งแข็ง ไม่ละลายน้ำ ละลายได้ดีในน้ำมัน (oil-based lubricants) ซึ่งเป็นชนิด petrolatum-based jelly หรือ mineral oil-based เป็นสารผสมที่มีไฮโดรคาร์บอนหลายชนิด มีสูตรโครงสร้างใกล้เคียงกับสูตรโครงสร้างของยางธรรมชาติ จึงสามารถทำลายบอนด์ (bond) ของยางธรรมชาติได้ สารอื่น เช่น เบบี้ ออยล์ หรือโลชั่นบำรุงผิว หรือครีมบำรุงผิว หรือ น้ำมันพืช ซึ่งมีสารผสมพวก mineral oil หรือ fat หรือ grease ก็ทำลายบอนด์ของยางธรรมชาติได้ ดังนั้นการใช้ถุงยางอนามัยกับสารหล่อลื่นดังกล่าวจึงทให้ถุงยางอนามัยขาดได้ง่าย ยกเว้นซิลิโคน ออยล์ ซึ่งเป็นสารหล่อลื่นที่ละลายในน้ำมันระเหยยาก ไม่มีปฏิกิริยากับสารอื่น ๆ ไม่ทำให้ระคายเคืองจึงไม่ทำลายบอนด์ของยาง ใช้กับถุงยางอนามัยได้ดี
ตัวอย่างสารหล่อลื่นที่ละลายในน้ำมัน ซึ่งไม่ควรใช้กับถุงยางอนามัย เช่น วาสลีนครีม (vaseline Cream), ขี้ผึ้งทาปาก (Wax), น้ำมันทาผิว (Baby oil), วาสลีน ปิโตรเลียมเจลลี่ (Vaseline petroleum jelly),โลชั่นทาผิว (Skin lotion), วาสลีน อินเทนซีพแคร์โลชั่น (Vaseline intensive care lotion), ครีมทามือ(Hand cream), เนย (Butter/margarine), น้ำมันพืช (Palm oil/vegetable oil), น้ำมันข้าวโพด (Corn oil), รวมทั้งพวก oil-based antiseptic, phenols and their derivatives petroleum-based brease, petroleum spirit, kerosine and other relative organic products
สรุปแล้วหากต้องการใช้สารหล่อลื่นอื่น ๆ มาทาเพิ่มบนถุงยางอนามัยควรเลือกใช้แต่สารหล่อลื่นที่ละลายน้ำเท่านั้น ตัวอย่างสารหล่อลื่นที่ละลายในน้ำ เช่น K-Y jelly, Q-C jelly, Duragel, Duracream, Generic contraceptive gel, Senselle และ polyethylene glycol ทั้ง นี้ที่กล่องบรรจุถุงยางอนามัยหรือฉลากกำกับจะมีคำเตือนเกี่ยวกับการใช้สาร หล่อลื่นเพิ่มเติมอยู่แล้วว่าควรใช้สารใดและไม่ควรใช้สารใด
ที่มาเว็บ: http://www.kodhit.com/%E0%B8%AA%E0%B8%B2%E0%B8%A3%E0%B8%AB%E0%B8%A5%E0%B9%88%E0%B8%AD%E0%B8%A5%E0%B8%B7%E0%B9%88%E0%B8%99%E0%B8%81%E0%B8%B1%E0%B8%9A%E0%B8%96%E0%B8%B8%E0%B8%87%E0%B8%A2%E0%B8%B2%E0%B8%87%E0%B8%AD%E0%B8%99%E0%B8%B2%E0%B8%A1%E0%B8%B1%E0%B8%A2
ที่มา : สุภาวรรณ จงธรรมวัฒน์ กองพิษวิทยา จากหนังสือ ความรู้เกี่ยวกับสิ่งเป็นพิษ ตอนที่ 11, กลุ่มงานพิษวิทยาและสิ่งแวดล้อม สถาบันวิจัยวิทยาศาสตร์สาธารณสุข กรมวิทยาศาสตร์การแพทย์ กระทรวงสาธารณสุข พ.ศ.2539
เอกสารอ้างอิง
1.
ประกาศกระทรวงสาธารณสุข ฉบับที่ 11 (พ.ศ.2535) เรื่องถุงยางอนามัยออกตามความในพระราชบัญญัติเครื่องมือแพทย์ พ.ศ.2531
2.
มาตรฐานผลิตภัณฑ์อุตสาหกรรม มอก.625. 2534. เรื่องถุงยางอนามัย
3.
คู่มือการปฏิบัติตามกฎหมายเกี่ยวกับถุงยางอนามัย, สำนักงานคณะกรรมการอาหารและยา กระทรวงสาธารณสุข.พ.ศ.2536, หน้า 14
4.
Voeller B., et.al. Mineral oil lubricants cause rapid deterioration of latex condoms. Contraception. 39(1) : 95-102.
5.
White N.,et.al. Dangers of lubricants used with condoms, (letter) Nature, 335, (6185) : 19.
6.
Merck Index 11th ed., 1989. P.705, 1139, 1247, 1316
7.
ISO 4074-1. 1990. Requirements-Condoms in consumer packages.
|