ภายใต้ชุดขาวอันแสนสะอาดสะอ้าน ได้ห่อหุ้มจิตใจที่แตกต่างกันของแพทย์เอาไว้ ดูเหมือนว่าอาคารใหญ่สีขาวที่สะอาดและสงบเงียบนั้น แต่ภายใน กลับมีการแก่งแย่งชิงดีกันอย่างเงียบๆ แพทย์หัวหน้าแผนกอายุรกรรม และศัลยกรรมต่างพากันช่วงชิงตำแหน่งผู้อำนวยการโรงพยาบาลมาครอบครอง โดยแบ่งกันออกเป็นสองฝักสองฝ่าย เหตุการณ์ต่างๆได้เริ่มต้นขึ้นภายในโรงพยาบาลแห่งนี้.....รุ่งเช้า ที่หน้าประตูใหญ่ของโรงพยาบาล คนไข้ ญาติคนไข้ แพทย์และพยาบาลต่างพากันเดินขวักไขว่อยู่ที่ห้องโถงใหญ่ของโรงพยาบาล ทำให้บรรยากาศภายในโรงพยาบาลซึ่งเงียบสงบกลับดูคึกคักขึ้นมา ทันใดนั้นเอง ก็มีรถหรูสีดำหลายคันซึ่งนำขบวนด้วยรถตำรวจมาจอดที่หน้าประตู คนจำนวนหนึ่งในชุดสากลสีดำก็เดินเรียงรายเข้า มายังห้องโถงของโรงพยาบาล แต่ละคนล้วนแล้วแต่กำยำล่ำสัน ดูเหมือนว่าผู้ที่มายังโรงพยาบาลแห่งนี้จะต้องเป็นคนใหญ่คนโตอย่างแน่นอน ผู้คนต่างพากันซุบซิบกัน ที่แท้หลิวซินผิงลูกสาวหัวแก้วหัวแหวนของประธานาธิบดีซึ่งป่วยเป็นโรครูคีเมียนั้นได้นอนพักรักษาตัวอยู่ที่ชั้นสิบห้าของ โรงพยาบาลแห่งนี้นั่นเอง
ซูอี้หัว ศัลยแพทย์หนุ่มหน้าตาคมคายซึ่งรักษาคนไข้ที่โรงพยาบาลแห่งนี้ ในแต่ละปีจะมีงานวิจัยทางการแพทย์ซึ่งเป็นที่ยอมรับและจับตามองของวงการแพทย์ทั่วโลก หน้าตาคมคายและจิตใจที่เปี่ยมด้วยความเมตตา ทำให้เขาเป็นที่รักใคร่ของทุกคน วันหนึ่ง ซูอี้หัวได้รับคำเชิญจากสีต้าหมิงหัวหน้าแพทย์ศัลยกรรมให้ร่วมวินิจฉัยอาการป่วยของคนไข้รายหนึ่ง คนไข้ที่ว่านี้ไม่ใช่ใคร เธอคือหลิวซินหัวลูกสาวหัวแก้วหัวแหวนของประธานธิบดีนั่นเอง ที่แท้หลิวซินผิงต้องเข้ารับการผ่าตัดฝังเครื่องฟอกเลือดซึ่งเป็นวิทยาการใหม่ล่าสุดของวงการแพทย์ เพื่อจะได้ไม่ต้องเปลี่ยนถ่ายเลือดอีกต่อไป ซูอี้หัวเป็นศัลยแพทย์ที่มีความชำนาญทางด้านนี้ ดังนั้นจึงได้รับมอบหมายจากสีต้าหมิงให้ผ่าตัดฝังเครื่องฟอกเลือดให้หลิวซินผิง นึกไม่ถึงว่าภารกิจครั้งนี้ได้สร้างความอิจฉาให้ถังกั๋วไท่แพทย์หัวหน้าแผนกอายุรกรรมเป็นอันมาก ทำให้การผ่าตัดในครั้งนี้กลายเป็นการแก่งแย่งชิงดีกัน
ราวกับว่าซูอี้หัวและหลิวซินผิงต่างมีวาสนาต่อกัน ความบริสุทธิ์ไร้เดียงสาของหลิวซินผิง ทำให้ซูอี้หัวเกิดความประทับใจในตัวเธอขึ้นมา แต่เมื่อเห็นหลิวซินผิงถูกโรคร้ายรุมเร้า ทำให้ซูอี้หัวเกิดความสงสารและเห็นอกเห็นใจเธอ ซูอี้หัวปฏิญาณว่าจะทุ่มเทความสามารถกับการผ่าตัดครั้งนี้ จะไม่ทำให้แผลจากการผ่าตัดเป็นอุปสรรคต่อการใส่ชุดราตรีเป็นอันขาด คำพูดที่ซูอี้หัวพูดกับหลิวซินผิง ถือเป็นคำมั่นสัญญาอันยิ่งใหญ่ที่ให้ไว้กับเธอขณะที่เตรียมการผ่าตัดอยู่นั่นเอง ด้วยความกังวลที่สีต้าหมิงจะได้หน้า ถังกั๋วไท่ซึ่งไม่ยอมแพ้ให้สีต้าหมิงนั้นได้ใช้อำนาจหน้าที่ที่มีเปลี่ยนตัวคณะแพทย์ที่เข้าร่วมการผ่าตัดในครั้งนี้ โดยให้ชิวชิ่งเฉิงซึ่งเป็นแพทย์รองหัวหน้าแผนกอายุรกรรมรับผิดชอบการผ่าตัดแทนซูอี้หัว ขณะที่ซูอี้หัวกำลังตรวจสอบรายชื่อคณะแพทย์ที่เข้าร่วมการผ่าตัดนั่นเอง พบว่าไม่มีรายชื่อของเขาในการผ่าตัดครั้งนี้ อาจเป็นเพราะสีต้าหมิงเห็นแก่ความปลอดภัย ดังนั้นจึงจงใจเก็บเรื่องนี้ไว้เป็นความลับก็เป็นได้ นี่เป็นเหตุผลเดียวที่ซูอี้หัวคิดได้เวลานี้ ซูอี้หัวตรวจสอบรายชื่อคณะแพทย์ต่อไปและพบว่าวิสัญญีแพทย์ที่เข้าร่วมการผ่าตัดในครั้งนี้คือกวานซินนั่นเองกวานซินเป็นเพื่อนที่ซูอี้หัวรู้จักเมื่อครั้งที่เรียนหนังสือด้วยกัน กวานซินเป็นผู้หญิงที่ภายนอกดูเป็นคนอ่อนหวาน แต่ภายในเธอกลับเป็นคนเด็ดเดี่ยว มีอุดมการณ์ ไม่ยอมก้มหัวต่ออิทธิพลใดๆ จนทำให้เธอกลายเป็นที่จับจ้องของแพทย์สองกลุ่มที่กำลังช่วงชิงอำนาจกัน ด้วยความพิเศษของกวานซินนี้เองได้ดึงดูดความสนใจของซูอี้หัว แต่ความเป็นตัวของตัวเองของกวานซิน ทำให้ซูอี้หัวไม่สามารถเข้าถึงตัวตนที่แท้จริงของเธอได้ กวานซินเคยบอกซูอี้หัวว่าถ้าหากซูอี้หัวชอบทะเล ก็ไม่ควรเข้าใกล้เธอ คำพูดประโยคนี้ช่างบาดลึกทำลายจิตใจ ด้วยเหตุนี้เองจึงทำให้ความสัมพันธ์ระหว่างซูอี้หัวและกวานซินจึงเป็นเพียงเพื่อนกันเท่านั้นในที่สุดก็ถึงวันผ่าตัดของหลิวซินผิง ในเวลานี้เองซูอี้หัวถึงรู้ว่ามีการเปลี่ยนแปลง ศัลยแพทย์ที่รับผิดชอบการผ่าตัดคือชิวชิ่งเฉิง ส่วนตัวเขาเองนั้น แม้แต่จะเข้าไปในห้องของหลิวซินผิงก็เข้าไปไม่ได้ เพื่อรับรองความสามารถของลูกน้อง รวมทั้งตำแหน่งผู้อำนวยการโรงพยาบาลที่หมายปอง ก่อนที่หลิวซินผิงจะเข้ารับการผ่าตัดนั่นเอง สีต้าหมิงและถังกั๋วไท่ได้ทะเลาะมีปากเสียงกันจนถึงขั้นลงไม้ลงมือกันทีเดียว เหตุการณ์ที่เกิดขึ้นได้ถูกผู้สื่อข่าวสถานีโทรทัศน์เก็บภาพเอาไว้ในเวลาเดียวกัน
**การที่เข้าระบบไม่ได้** ต้องใช้ Mozilla Firefox จะล็อคอินได้ถ้าต้องการใช้ Internet Explorer